ภารกิจ เด็กๆต้องได้ไปโรงเรียน
จำนวนศูนย์เด็กปฐมวัย 25 (24 แห่ง ใน กทม. และ อีก 1 แห่ง ที่เกาะเหลาจังหวัดระนอง)
จำนวนนักเรียน 3000 คน
เมื่อบาทหลวงโจเซฟ เอช ไมเออร์ หรือ ”คุณพ่อโจ” ที่ชาวบ้านเรียกขาน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดแม่พระปฎิสนธินิรมลแห่งเหรียญอัศจรรย์ ที่ตั้งอยู่บริเวณโรงฆ่าสัตว์ (โรงหมู) ที่สลัมคลองเตย เด็กๆที่เป็นลูกหลานชาวสลัมยากจนจำนวนมาก ไม่มีโอกาสไปโรงเรียน เด็กเล็กๆได้แต่วิ่งเล่นไปวันๆ รอให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเลิกจากงานในท่าเรือหรือ ในสลัม กลับมาบ้าน ความยากจนทำให้เด็กไม่มีโอกาสเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าเรียนชั้น ป.1 ส่วนเด็กที่แม้จะได้เข้าเรียนชั้น ป. 1 ก็จะต้องออกจากระบบโรงเรียนเป็นจำนวนมาก เพราะเรียนไม่ทันคนอื่น หรือไม่ก็เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่งเสียให้ไปโรงเรียน
คุณพ่อโจ จึงได้ชักชวนซิสเตอร์มาลินี ฉันทวโรดม หรือ “คุณแม่มาเรีย” จากคณะพระแม่มารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล สาธุประดิษฐ์ มาช่วยสอนหนังสือให้กับเด็กๆคาทอลิก ซี่งต่อมาไม่นาน ก็ได้เกิดความร่วมมือร่วมใจจากผู้นำชุมชน ผู้นำทางศาสนาพุทธ และศาสนาอิสลาม ร่วมกับชาวบ้าน ก่อตั้ง โรงเรียนวันละบาท ดำเนินการเรียนการสอนในรูปแบบศูนย์เด็กปฐมวัย ตอนเช้าก่อนไปทำงาน พ่อแม่ก็นำลูกมาฝากไว้ที่คุณครูและมารับกลับเมื่อเสร็จงานในตอนบ่ายหรือตอน เย็น
หลังจากโรงเรียนวันละบาท แห่งแรก ประสบความสำเร็จด้วยดี ก็ได้เกิดความร่วมมือจากชาวบ้านอีกหลายชุมชน ในการร่วมก่อตั้งโรงเรียนขึ้น จนกระทั่งปี พ.ศ. 2552 มีศูนย์เด็กปฐมวัยของมูลนิธิฯ ดำเนินงานอยู่ในชุมชนแออัดทั้งสิ้น 24 แห่ง ในพื้นที่ 16 เขตในกรุงเทพมหานคร รับเด็กปฐมวัย กว่า 3000 คนเข้าเตรียมตัวเรียนในระดับชั้น ป. 1 และอีก 1 แห่ง ที่เกาะเหลา จังหวัดระนอง สำหรับเด็กชาวมอแกน
นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน เด็กๆ ในชุมชนแออัดประมาณ 50,000 คนได้เริ่มต้นการเรียนของตนในศูนย์เด็กปฐมวัยของมูลนิธิฯ
หลักสูตรการเรียนการสอน
ศูนย์เด็กปฐมวัยของมูลนิธิฯ จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ เน้นให้เด็กๆ มีความสุขในการเรียน สอนให้เป็นผู้ชนะ และมีคุณธรรม ดูแลติดตามการพัฒนาของเด็กแบบองค์รวม เน้นให้เด็กเป็นศูนย์กลางในการเรียนการสอน
คำขวัญของศูนย์เด็กปฐมวัยเมอร์ซี่
“เรียนให้เป็น เล่นให้รู้ ควบคู่คุณธรรม”
เด็กในชุมชนแออัดที่มาเข้าเรียนในศูนย์เด็กปฐมวัยของมูลนิธิฯ ร้อยละ 20 มีภาวะขาดสารอาหาร เด็กๆจะได้รับประทานมื้อกลางวันที่มีคุณค่า มีสารอาหารครบหมู่ รวมทั้งนม และผลไม้และมีชั่วโมงนอนพักผ่อนเพียงพอตามวัย เด็กๆ จะสามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็กแห่งสหประชาชาติ เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่รอด ชีวิตของเด็กๆในชุมชนแออัด รายล้อมไปด้วยภยันตรายนานา ศูนย์เด็กปฐมวัยของมูลนิธิฯ จึงเปิดการเรียนการสอนเร็วกว่าที่อื่น และปิดช้ากว่าที่อื่นๆ โดยเฉลี่ย ศูนย์เด็กปฐมวัยของเราเปิดทำการปีละ 300 – 320 วัน เพื่อลดความเสี่ยงต่ออันตรายทั้งทางร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังช่วยให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง ไปทำงานประกอบอาชีพด้วยความสบายใจ
มูลนิธิฯ ร่วมมือกับชุมชน เพื่อลูกหลานของคนในชุมชน นับแต่ก่อตั้งศูนย์เด็กปฐมวัยมา ชุมชนจะช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับเด็กๆและคุณครู เงินสมทบจากผู้ปกครอง ใช้เป็นส่วนหนึ่งสำหรับค่าใช้จ่ายของศูนย์ฯ มูลนิธิฯ ย้ำกับผู้ปกครองที่แม้จะไม่สามารถสมทบค่าใช้จ่าย ก็ขอให้นำเด็กๆมาเรียน ในแต่ละปี ประมาณร้อยละ 25 ที่ครอบครัวยากจนเดือดร้อนมาก ไม่สามารถสมทบค่าใช้จ่ายได้
มูลนิธิฯ พยายามระดมทรัพยากร ความร่วมไม้ร่วมมือจากองค์กรต่างๆในพื้นที่และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ ชุมชน เพื่อให้สามารถดำเนินงานศูนย์เด็กปฐมวัยได้ด้วยตนเอง เพื่อให้มูลนิธิฯ สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดเพื่อช่วยเหลือชุมชนอื่นที่มีความต้อง การ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ สามารถส่งมอบศูนย์เด็กปฐมวัยให้ชุมชนดำเนินการเอง จำนวน 8 แห่ง
มูลนิธิฯ มีความพยายามอยู่เสมอและทำทุกวิถีทางอย่างเต็มความสามารถ ที่จะช่วยให้เด็กทุกคน ที่ยากจน เด็กด้อยโอกาส เด็กลูกของกรรมกรก่อสร้าง เด็กเร่ร่อน เด็กที่ต้องใช้ชีวิตเยาว์วัยของตนช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน ได้มีโอกาสเล่าเรียน เช่นเด็กๆจากครอบครัวปกติทั่วไป และได้ใช้ชีวิตเยาว์วัยของตนอย่างมีความสุข